ทีมชาติสหรัฐฯ (USMNT) กำลังจะได้เล่น “ฟุตบอลโลกในบ้าน” อีกครั้งในรอบหลายทศวรรษ และความคาดหวังเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อฟอร์มปลายปี 2025 ดีขึ้น พร้อมการปรับแท็กติกสำคัญของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่ขยับไปใช้ระบบหลังสามแล้วได้ผล
แม้ยังพูดไม่ได้ว่า USMNT จะลุ้นแชมป์แบบทีมระดับท็อปโลก แต่ถ้าไปได้ไกลในระดับ “เหมือนปี 2002 ที่เข้ารอบ 8 ทีม” ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาก และอาจส่งผลระยะยาวต่อกระแสฟุตบอลในสหรัฐฯ หลังจบทัวร์นาเมนต์
ด้านล่างคือสิ่งที่ “รู้แล้วแน่ ๆ” และสิ่งที่ “ยังเป็นไปได้” เกี่ยวกับโปรแกรมและเส้นทางของ USMNT ในฟุตบอลโลก 2026

USMNT เริ่มแคมเปญฟุตบอลโลก 2026 วันไหน?
เกมแรกของ USMNT จะเริ่มในวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2026 (เกมเปิดสนามของทั้งทัวร์นาเมนต์จะเป็นของเม็กซิโกก่อนหนึ่งวัน) และ USMNT จะเล่นรอบแบ่งกลุ่มแบบอยู่ “ฝั่งตะวันตก” เป็นหลัก
โปรแกรมรอบแบ่งกลุ่มของ USMNT (กลุ่ม D)
หมายเหตุ: คู่แข่งยังเป็น “ตัวแทนตามตำแหน่ง D2/D3/D4” จนกว่าจะจับสลากเสร็จ
|
วันที่ |
คู่แข่งขัน |
สนาม |
| 12 มิ.ย. 2026 | USMNT vs D2 | SoFi Stadium, Inglewood (แอลเอ) |
| 19 มิ.ย. 2026 | USMNT vs D3 | Lumen Field, Seattle |
| 25 มิ.ย. 2026 | D4 vs USMNT | SoFi Stadium, Inglewood (แอลเอ) |
ภาพรวมคือ USMNT จะเปิดและปิดรอบแบ่งกลุ่มที่ SoFi Stadium และมีทริปไป Lumen Field 1 นัด ซึ่งเป็นสนามที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศแฟนบอล
คู่แข่งในรอบแบ่งกลุ่ม: USMNT มีโอกาสเจอใครบ้าง?
USMNT อยู่ใน โถจับสลาก Pot 1 (โถทีมวาง) ทำให้มีแนวโน้ม “หลบทีมยักษ์” หลายชาติในรอบแบ่งกลุ่ม (เช่น ฝรั่งเศส สเปน อังกฤษ บราซิล อาร์เจนตินา)
โดยหลักการจับสลาก จะได้เจอทีมจาก Pot 2, Pot 3 และ Pot 4 อย่างละ 1 ทีม (เป็นการคาดการณ์โถ ณ ตอนนี้)
- Pot 2 (ตัวอย่างทีมที่อาจเจอ): โครเอเชีย, โมร็อกโก รวมถึงกลุ่มอย่าง โคลอมเบีย, อุรุกวัย, เซเนกัล, เกาหลีใต้
- Pot 3 (ตัวอย่างทีมที่อาจเจอ): เอกวาดอร์, นอร์เวย์ (ทีมที่หลายชาติไม่อยากเจอ)
- Pot 4 (ตัวอย่างทีมที่อาจเจอ): ทีมหน้าใหม่/อันดับต่ำหลายชาติ เช่น อุซเบกิสถาน, เคปเวิร์ด, จอร์แดน ขณะที่ “กานา” เป็นทีมที่ประสบการณ์บอลโลกสูงกว่าในโถนี้
ข้อจำกัดสำคัญ: USMNT จะไม่ถูกจับเจอชาติจากโซนเดียวกัน (Concacaf) ในรอบแบ่งกลุ่ม
ถ้า USMNT เข้ารอบน็อกเอาต์ จะไปเล่นที่ไหน?
เส้นทางสนามในรอบน็อกเอาต์ของ USMNT จะขึ้นกับ “อันดับในกลุ่ม D”
กรณีจบแชมป์กลุ่ม D
- รอบ 32 ทีม: Levi’s Stadium (Santa Clara, CA)
- และมีโอกาสอยู่ “ฝั่งตะวันตก” ยาว ๆ จนถึงรอบรองฯ
กรณีจบรองแชมป์กลุ่ม D
- รอบ 32 ทีม: ไปที่ Arlington, Texas พบรองแชมป์กลุ่ม G
- ถ้าชนะ จะมีโอกาสเดินทางต่อหลายเมือง เช่น Atlanta (รอบ 16/รอบรองฯ) และ Kansas City (รอบก่อนรองฯ)
กรณีเข้ารอบแบบอันดับ 3 ที่ผลงานดีที่สุด
- รอบ 32 ทีม อาจถูกจัดไปแข่งที่ Foxborough (MA), East Rutherford (NJ) หรือ Kansas City
ประเด็นเสริมที่กำลังถูกพูดถึง (สั้น ๆ)
1) แคมเปญสโลแกน “Never Chase Reality”
สโลแกนโปรโมตฟุตบอลโลก 2026 ของ USMNT ถูกวิจารณ์แรง โดยเฉพาะจาก เมแกน ราปิโน่ ที่มองว่าสื่อความหมาย “แปลก” และเหมือนบอกกลาย ๆ ว่าทีมไม่มั่นใจตัวเอง ขณะที่ฝั่งแคมเปญอธิบายว่าเป็นการ “เมินอุปสรรค แล้วกล้าฝันให้ใหญ่”
2) ตั๋วราคา $60 มีจริง แต่โควต้าน้อยมาก
มีการพูดถึง “ตั๋วราคาถูก $60” สำหรับบางที่นั่ง แต่จำนวนต่อแมตช์จำกัดมาก และถูกกระจายผ่านสมาคมฟุตบอลของแต่ละชาติ (รายละเอียด/เงื่อนไขจริงยังต้องรอประกาศชัดเจน)
3) กฎพักน้ำ 3 นาที “ทุกนัด” (Hydration breaks)
มีการคอนเฟิร์มว่าบอลโลก 2026 จะมีช่วงพัก 3 นาที “กลางแต่ละครึ่ง” ทำให้เกมเหมือนถูกแบ่งเป็น 4 ช่วงย่อยมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกับแท็กติก (โค้ชสั่งงานได้ถี่ขึ้น เกมอาจเปลี่ยนจังหวะบ่อยขึ้น)
บทสรุป
สิ่งที่ USMNT ได้เปรียบชัดเจนคือ “ความคุ้นชินสนามและบรรยากาศในบ้าน” โดยเฉพาะรอบแบ่งกลุ่มที่ล็อกไว้แล้วทั้งวันแข่งและสนาม (SoFi–Lumen–SoFi) ส่วนสิ่งที่ต้องลุ้นคือ “โถจับสลาก” ว่าจะต้องเจอทีมระดับยากแค่ไหน และจะจบอันดับในกลุ่มแบบไหน เพราะนั่นคือจุดที่กำหนดเส้นทางเดินทางและความหนักของคู่แข่งในรอบน็อกเอาต์ทันที — สำหรับแฟนบอลที่ติดตามเส้นทางทัวร์นาเมนต์เพื่อนำไปวิเคราะห์ก่อนเกม UFA777 และ UFA777 เว็บแทงบอล ก็เป็นอีกทางเลือกที่หลายคนใช้เช็กราคาและตลาดเดิมพันให้สอดคล้องกับบริบทการแข่งขัน