จากคำว่า “ดีลล้มเหลว” สู่เส้นทางพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งของ เมสัน เมาท์

เมสัน เมาท์ เข้าใจดีว่า “เสียงวิจารณ์” คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรับมือกับมันได้ โดยเฉพาะเมื่อเสียงเหล่านั้นเริ่มดังตั้งแต่วันแรกที่เขาย้ายเข้าสู่สโมสรใหม่ พร้อมค่าตัวก้อนโต ความคาดหวังมหาศาล และคำถามมากมายที่ถาโถมเข้ามาทันทีที่เขาสวมเสื้อหมายเลข 7 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นี่คือเรื่องราวของการต่อสู้ ความอดทน และการพยายามพิสูจน์คุณค่าของตัวเองอีกครั้งของ เมสัน เมาท์ ผ่านช่วงเวลาสำคัญในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

 

จากดีลที่ถูกตั้งคำถาม

 

จากดีลที่ถูกตั้งคำถาม

ช่วงซัมเมอร์ปี 2023 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจทุ่มเงินราว 60 ล้านปอนด์ คว้าตัว เมสัน เมาท์ มาจากเชลซี พร้อมมอบค่าเหนื่อยระดับ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ดีลนี้สร้างกระแสวิพากษ์ทันที เพราะในเวลานั้น เมาท์ เหลือสัญญากับเชลซีเพียงปีเดียว และสามารถย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวได้ในซัมเมอร์ถัดไป

เสียงวิจารณ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนมองว่านี่คือการ “จ่ายแพงเกินจำเป็น” โดยเฉพาะเมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด มี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยืนเป็นตัวหลักในบทบาทหมายเลข 10 อยู่แล้ว ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนของทีมกลับอยู่ในแนวรับ โดยเฉพาะตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กที่เป็นจุดอ่อนชัดเจนในเวลานั้น

นักวิเคราะห์และอดีตนักเตะหลายรายแสดงความเห็นตรงกันว่า ยูไนเต็ดกำลังเสี่ยงกับดีลที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เจมี่ คาร์ราเกอร์ มองว่า เมาท์ เป็นนักเตะที่มีคุณภาพ แต่ไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์สัญญาใกล้หมด ขณะที่ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ก็ชี้ว่า เมาท์ ยังไม่ใช่ผู้เล่นระดับที่สามารถยกระดับทีมได้ทันที แต่กลับถูกซื้อในราคาของซูเปอร์สตาร์

สำหรับแฟนบอลปีศาจแดง คำว่า “ดีลยอดแย่” เริ่มติดตัว เมาท์ ตั้งแต่ยังไม่ทันลงสนาม นี่คือจุดเริ่มต้นของบททดสอบที่ยากที่สุดในอาชีพของเขา

 

สองปีแรกที่ต้องยอมรับความจริง

ภายใต้การคุมทีมของ เอริก เทน ฮาก แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ระบบ 4-2-3-1 เป็นหลัก โดยตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์เป็นของ บรูโน่ แบบไร้ข้อกังขา เมาท์ จึงถูกขยับไปเล่นบทบาทที่ไม่ถนัด ทั้งกองกลางตัวกลาง หรือบางครั้งต้องรับหน้าที่เป็นปีกแก้ขัด

บทบาทเหล่านั้นดึงจุดอ่อนของเขาออกมามากกว่าจุดแข็ง เมาท์ สูญเสียพื้นที่ในแดนบนที่เคยใช้สัญชาตญาณและความคล่องตัว ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับภาระเกมรับหนักเกินไป แม้เมื่อทีมปรับมาใช้ระบบ 4-3-3 เขาก็ยังไม่สามารถยืนเป็นมิดฟิลด์หมายเลข 8 ได้อย่างเต็มที่ เพราะตำแหน่งนี้ต้องใช้สภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ซึ่งเขายังไม่พร้อมจากอาการบาดเจ็บเรื้อรังตั้งแต่สมัยอยู่เชลซี

ผลงานในช่วงสองปีแรกสะท้อนภาพนั้นอย่างชัดเจน เมาท์ ลงเล่นไม่ถึง 30 นัด มีช่วงต้องพักยาวหลายเดือน ตัวเลขประตูและแอสซิสต์รวมกันยังไม่ถึงสองหลัก และจุดเด่นอย่างการเพรสซิ่งในแดนบนก็ดร็อปลงอย่างเห็นได้ชัด

แฟนบอลจำนวนไม่น้อยเริ่มมองว่าเขา “หมดสภาพ” ไปแล้ว เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาโชว์ฟอร์มระดับท็อปคือช่วงก่อนยูโร 2020 ทางเลือกของ เมาท์ ดูเหมือนจะเหลือเพียงการรับค่าเหนื่อยจนหมดสัญญา หรือพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายเพื่อกู้ศรัทธา

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ เทน ฮาก ต้องอำลาตำแหน่ง และแมนฯ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง รูเบน อโมริม เข้ามาคุมทีม พร้อมระบบ 3-4-2-1 ที่เปิดโอกาสใหม่ให้กับเขา

 

เคาะสนิมและเรียกความมั่นใจ

แม้ผลงานโดยรวมของ อโมริม ในช่วงแรกจะยังไม่โดดเด่น แต่ระบบของเขากลับเหมาะกับคุณสมบัติของ เมาท์ อย่างชัดเจน เมาท์ ไม่ใช่เพลย์เมคเกอร์ที่ต้องแบกเกมไว้คนเดียว แต่เป็นนักเตะที่เข้าใจระบบ อ่านเกมเก่ง และช่วยดึงศักยภาพของเพื่อนร่วมทีมรอบข้างออกมาได้

คุณสมบัตินี้ทำให้เขาเคยเป็นที่โปรดปรานของกุนซือหลายคน ทั้ง แฟรงค์ แลมพาร์ด, โธมัส ทูเคิล และ แกเร็ธ เซาธ์เกต และก็รวมถึง อโมริม ด้วย

ช่วงท้ายฤดูกาล 2024-25 เมาท์ ได้โอกาสลงสนามต่อเนื่อง 14 นัด แม้ยังไม่โดดเด่นในเชิงตัวเลข แต่เป็นการเรียกความฟิตและความมั่นใจกลับมา ซึ่งส่งผลต่อการออกสตาร์ทฤดูกาล 2025-26 ที่เขาเริ่มมีบทบาทสำคัญในระบบ “ดับเบิล 10” มากขึ้น

เมาท์ ยอมรับว่า การได้ลงเล่นสม่ำเสมอช่วยเปลี่ยนความรู้สึกของเขาอย่างมาก ทั้งในด้านจิตใจและร่างกาย และเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มกลับมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง

 

ระบบที่ใช่ และคาแร็คเตอร์ที่ตอบโจทย์

เมาท์ เชื่อว่า ประสบการณ์จากเชลซีและทีมชาติอังกฤษช่วยให้เขาปรับตัวเข้ากับแนวทางของ อโมริม ได้อย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนไหว การหาพื้นที่ และรู้ว่าตัวเองควรทำอะไรในสนาม รวมถึงการช่วยแนะนำรุ่นน้องในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ

อดีตนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด หลายคนออกมาชื่นชมพัฒนาการของเขา เวย์น รูนี่ย์ เปิดเผยว่า เมาท์ ลดวันพักร้อนเพื่อกลับมาซ้อมเร็วขึ้น ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ชื่นชมการเคลื่อนที่และความฉลาดในการเล่นทั้งยามมีบอลและไม่มีบอล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมขาดไปก่อนหน้านี้

ฤดูกาล 2025-26 เมาท์ ลงสนามไปแล้ว 12 นัด ยิงได้ 3 ประตูจากทุกรายการ และแทบไม่มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย นี่คือเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเขานับตั้งแต่ย้ายมาโอลด์ แทรฟฟอร์ด การได้เล่นในตำแหน่งถนัดทำให้เขาแสดงจุดแข็ง ทั้งการเชื่อมเกม การสอดขึ้นทำประตู และการเพรสซิ่งในแดนบนอย่างเป็นธรรมชาติ

 

จาก “ดีลยอดแย่” สู่ผู้เล่นที่ทีมต้องการ

อโมริม ชื่นชม เมาท์ ในเรื่องทัศนคติ การทำงานหนัก และความเป็นผู้นำผ่านการกระทำ ไม่ใช่คำพูด ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เจ้านายเก่าของเขาหลายคนเคยกล่าวไว้เช่นเดียวกัน

วันนี้ เมสัน เมาท์ อาจกำลังกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้ แม้เส้นทางยังไม่จบ แต่สิ่งที่เขาแสดงให้เห็นคือการไม่ยอมแพ้ต่อคำตัดสินของใครง่าย ๆ

ในโลกฟุตบอลที่โหดร้าย ค่าตัวอาจกลายเป็นตราบาป และเสียงวิจารณ์อาจหนักหนาเกินรับไหว แต่ เมาท์ เลือกตอบทุกคำถามด้วยการทำงานหนัก และรอวันที่เหมาะสมเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

จากนักเตะที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “ดีลยอดแย่” วันนี้เขากำลังบอกกับทุกคนผ่านผลงานว่า การตัดสินนั้นอาจยังเร็วเกินไป

 

บทสรุป (Conclusion)

จากนักเตะที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็น “ดีลยอดแย่” เมสัน เมาท์ ค่อย ๆ ใช้เวลา ความอดทน และระบบที่เหมาะสม พิสูจน์คุณค่าของตัวเองอีกครั้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนกลับมาเป็นกำลังสำคัญของทีมในฤดูกาล 2025-26 — สำหรับคอบอลที่ติดตามฟอร์มและข้อมูลนักเตะเพื่อนำไปวิเคราะห์ก่อนแทงบอล แพลตฟอร์มอย่าง UFA777 และ UFA777 เว็บแทงบอล ก็เป็นอีกช่องทางที่หลายคนเลือกใช้ในการเช็กราคาและจัดบิลให้สอดคล้องกับเกมจริง

 

แหล่งอ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Mason_Mount
https://www.manutd.com/en/news/detail/mason-mount-feels-better-than-ever-heading-into-2025-26-season
https://www.nytimes.com/athletic/6559854/2025/08/18/mason-mount-manchester-united-managers-value/
https://www.goal.com/en/lists/mason-mount-reborn-man-utd-does-bench-beckon-star-signing-matheus-cunha/blt8db9ef00148d5a2a
https://www.reddit.com/r/reddevils/comments/1mcbeqg/rob_dawson_man_uniteds_mason_mount_eyes_england/?tl=th&rdt=36941
https://www.transfermarkt.com/mason-mount/leistungsdaten/spieler/346483